Honda afiaith“ฮอนด้า บริโอ”เผยโฉมครั้งแรกในโลก-ขายปีหน้าราคา 4 แสน

“ฮอนด้า บริโอ”เผยโฉมครั้งแรกในโลก-ขายปีหน้าราคา 4 แสน มาตามสัญญาสำหรับ “อีโคคาร์” น้องใหม่ ซึ่งฮอนด้านำมาเผยโฉมในงาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2010” เป็นครั้งแรกในโลก และแม้ฮอนด้าจะบอกว่านี่เป็นแค่ตัว “โปรโตไทป์” แต่เชื่อว่าตัวขายจริงปีหน้า รูปลักษณ์คงไม่ต่างจากนี้มากนัก

“บริโอ” มากับรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว บนตัวถังแฮทซ์แบ็ก 5 ประตู วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร ประหยัดน้ำมันสุดๆเป็นคุณสมบัติเด่นของรกฮอนด้าอีโกคาร์ เหมาะมากสำหรับคนเมือง คาดว่า“ฮอนด้า” เตรียมเปิดตัวขายจริงช่วงไตรมาสแรกปีหน้า หรืองาน “บางกอกมอเตอร์โชว์ 2010” สนนราคา 4-5 แสนบาท
2.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
3.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
4.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
5.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
6.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
7.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
8.ฮอนด้า บริโอ Honda afiaith
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Honda เตรียมคืนชีพให้ NSX รถสปอร์ตคูเป้ตัวเก่ง อาจมาพร้อม V6 400 แรงม้า

จากที่มีข่าวว่า Honda ตัดสินใจเลิกพัฒนา NSX ไปแล้ว เพราะเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ หลังจากนั้นก็มีข่าวการที่จะฟื้นคืนชีพของ NSX ในรูปทรงของ HSV-010-GT หรือรถแนวคิดต่างๆที่ทำให้แฟนๆ Honda ลุ้นกันมาตลอด แต่ก็คงไม่ชัดเจนเหมือนกับข่าวล่าสุดจาก motortrend.com ที่รายงานว่า Honda ยังไม่ทิ้ง NSX ซึ่งถ้าข่าวนี้เป็นจริง Honda NSX จะใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จาก Accord ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.4 ลิตร หรือ V6 3.5 ลิตร ซึ่งทราบมาจากการที่ Honda ได้ยื่นขอสิทธิบัตรโดยการระบุเครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่อง V6 ขนาด 400 แรงม้า นอกจากนั้นอาจจะมีการนำระบบไฮบริดมาใช้ด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา Honda ได้ห่างหายไปจากการผลิตรถสปอร์ตแบบเต็มรูปแบบ หลังจากประกาศเลิกผลิต S2000 ไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนรถไฮบริดอย่าง CR-Z ก็เป็นเพียงคูเป้ในทรงสปอร์ตเท่านั้น NSX จึงเป็นรถสปอร์ตคูเป้ตัวจริงจากค่ายรถยนต์แดนซามูไรรายนี้ที่ทำให้สาวกมีลุ้นมากขึ้นไปอีก (ภาพประกอบเป็น NSX ปี 2002)

ที่มา: motortrend,autospinn

ฮอนด้าเชนจ์ แอคคอร์ด ส่งท้ายปี 53

ฮอนด้า เปิดเกมรุกท้ายปีจับ แอคคอร์ด มาไมเนอร์เชนจ์ ใหม่ ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบนำทางเนวิเกเตอร์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ราคาเริ่มต้น 1,265,000 บาท จนถึงรุ่นท็อป 2,940,000 บาท

นาย อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มของรถยนต์นั่งขนาดกลางระดับหรู ฮอนด้า แอคคอร์ด ถือเป็นรถที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับในเรื่องสมรรถนะ ความหรูหรา ความน่าเชื่อถือ ประโยชน์ใช้สอย ภายในกว้างขวางและความสะดวกสบาย จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด จากการทดสอบมากมายทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
ขณะที่ในเมืองไทยช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 ยอดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าอยู่ที่ 91,948 คัน โดยแอคคอร์ด เป็นหนึ่งในสามของรถยนต์นั่งขนาดกลางที่ขายดีที่สุด มียอดจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคมปีนี้ รวม 4,842 คัน เพิ่มขึ้น 15% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน

ด้วยความเป็นรถที่ได้รับความนิยมรุ่นหนึ่ง ล่าสุดบริษัทได้ทำการไมเนอร์เชนจ์รถรุ่นนี้ใหม่ เรียกว่าเป็นเวอร์ชั่น 2011 โดยการปรับเปลี่ยนหลักๆ จะเป็นเปลือกกันชนหน้า กระจังหน้า และไฟตัดหมอกใหม่ ส่งให้รูปลักษณ์มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้น ด้านท้ายแผงไฟใหม่และล้อมกรอบโครเมี่ยม พร้อมมากับล้ออัลลอย 17 นิ้ว ส่วนเครื่องยนต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีทางเลือก 3 บล็อก เป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 2.4 ลิตร และ 3.5 ลิตร V6

สำหรับรายละเอียดของรถแต่ละรุ่น ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่น 3.5 V6 ราคา 2,940,000 บาท มาพร้อมกับซันรูฟ ระบบ One-Touch ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ที่ใช้งานง่าย เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมกล้องส่องภาพด้านหลังซึ่งช่วยให้การถอยหลังและจอดง่ายขึ้น และฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกไฟล์เพลง (HDD Audio) กระจกมองหลังปรับลดแสงแบบอัตโนมัติ ระบบไฟหน้าแบบ HID พร้อมระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ม่านบังแดดกระจกหลังปรับไฟฟ้า เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะ ระบบเชื่อมต่อแฮนด์ฟรีแบบไร้สาย Bluetooth ระบบเครื่องเสียงแบบ Premium sound system สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงติดตั้งที่พนักเท้าแขนของเบาะหลัง ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ ถุงลมคู่หน้าด้านข้างอัจฉริยะพร้อมระบบเซ็นเซอร์แบบ OPDS ม่านถุงลมด้านข้าง ระบบแปรผันการทำงานของกระบอกสูบอัตโนมัติ VCM (Variable Cylinder Management) พร้อมระบบ Active Control Engine Mount (ACM) เทคโนโลยีควบคุมเสียงรบกวน ANC (Active Noise Control) และระบบควบคุมการทรงตัว VSA พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA และกุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้ พร้อมสัญญาณกันขโมย
แอคคอร์ด รุ่น 2.4 EL ราคา 1,547,000 บาท และรุ่น 2.4 EL NAVI ราคา 1,687,000 บาท มาพร้อมกับระบบไฟหน้าแบบ HID ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำแบบอัตโนมัติ ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเชื่อมต่อแฮนด์ฟรีแบบไร้สาย Bluetooth ระบบเครื่องเสียงแบบ Premium sound system สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ ถุงลมคู่หน้าด้านข้างอัจฉริยะพร้อมระบบเซ็นเซอร์แบบ OPDS ม่านถุงลมด้านข้าง ระบบควบคุมการทรงตัว VSA พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA กุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้ พร้อมสัญญาณกันขโมย กระจกมองหลังปรับลดแสงแบบอัตโนมัติและเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะ ทั้งนี้ในรุ่น 2.4 EL NAVI เป็นระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ที่มาพร้อมกับเครื่องเล่น DVD และกล้องส่องภาพด้านหลังซึ่งช่วยให้การถอยหลังและจอดง่ายขึ้น และฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกไฟล์เพลง (HDD Audio) ส่วนรุ่น 2.4 EL เป็นเครื่องเล่นCD/MP3แบบ 6 แผ่น

รุ่น 2.0 E ราคา 1,265,000 บาท มาพร้อมกับ ล้ออัลลอย 16 นิ้ว เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เครื่องเล่นCD/MP3 แบบ 6 แผ่น สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ ถุงลมคู่หน้าด้านข้างอัจฉริยะพร้อมระบบเซ็นเซอร์แบบ OPDS กุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้ พร้อมสัญญาณกันขโมยฮอนด้า แอคคอร์ด เวอร์ชั่น 2011 ยังได้เพิ่ม 2 รุ่นย่อยทางเลือกใหม่ คือ รุ่น 2.0 EL ราคา 1,280,000 บาท และรุ่น 2.0 EL NAVI 1,420,000 บาท มาพร้อมกับ ล้ออัลลอย 17 นิ้ว เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ ถุงลมคู่หน้าด้านข้างอัจฉริยะพร้อมระบบเซ็นเซอร์แบบ OPDS สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย กุญแจรีโมทแบบพับเก็บได้ พร้อมสัญญาณกันขโมย ทั้งนี้ในรุ่น 2.0 EL เป็นเครื่องเล่นCD/MP3แบบ 6 แผ่น ส่วนรุ่น 2.0 EL NAVI เป็นระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ที่มาพร้อมกับเครื่องเล่น DVD และกล้องส่องภาพด้านหลังและฮาร์ดดิสก์สำหรับบันทึกไฟล์เพลง (HDD Audio) และระบบเครื่องเสียงแบบ Premium sound system

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไมเนอร์เชนจ์ มีให้เลือก 5 สี คือ ขาวบริลเลียนท์ เงินอลาบาสเตอร์ เทาโพลิชเมทัล ดำคริสตัล และ น้ำตาลเออร์เบิน ไทเทเนียม (สำหรับสีพิเศษสีขาว เพิ่มอีก 10,000 บาท)

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

New Honda Civic Type R MUGEN 200 ย้อนรอย Type R Mugen รุ่นพี่ ขอดุแค่ 201 แรงม้า


New Honda Civic Type R MUGEN 200 ย้อนรอย Type R Mugen รุ่นพี่ ขอดุแค่ 201 แรงม้า
หลังจากที่เปิดขาย Honda Civic Type R Mugen เครื่องยนต์ i-VTEC 2.0 ลิตร 240 แรงม้า ไปทั้งสิ้น 20 คันตามโควต้าการผลิตในราคาคันละ 38,599 ปอนด์ และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุดวันนี้ Honda ได้ประกาศจะผลิตรุ่นที่ดุน้อยลงของ Civic รุ่นนี้ออกมาโดยที่ไม่มีการอัพเกรดในเรื่องสมรรถนะแต่อย่างใด ซึ่งใช้ชื่อรุ่นใหม่ว่า Civic Type R Mugen 200 รุ่นพิเศษที่จะใช้ Civic เวอร์ชั่นยุโรป 3 ประตูเป็นพื้นฐาน ให้กำลัง 201 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 2.0 ลิตร เป็นรุ่นมาตรฐาน

และก็ตามชื่อรุ่น Honda วางแผนจะผลิตรถรุ่นนี้ออกมาเพียง 200 คันเท่านั้น โดยจะเริ่มจำหน่ายในสหราชอาณาจักรในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ และจะใช้สีขาวเป็นสีหลักสีเดียวแบบมัดมือซื้อ ในขณะที่ยังใช้แอโรพาร์ทชุดเดียวกับที่ใช้ในรุ่น 240 แรงม้า ซึ่งได้แก่ กันชนใหม่ สเกิร์ตข้าง ปีกหลังขนาดใหญ่ แต่ diffuser หลังจะต่างออกไปโดยใช้ปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่

ส่วนล้ออัลลอยใช้ขอบ 19 นิ้ว กระจกมองข้างสีดำวาว มีโลโก้ Mugen และมีหมายเลขประจำรถ นอกจากนั้นยังใช้ differential แบบ limited slip เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
Honda ยังเผยอีกว่าการปรับแต่งโครงสร้างตัวถังจะมีให้เลือกเป็น option ที่ตัวแทนจำหน่าย ส่วนรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับรถรุ่นนี้จะมีการเปิดเผยในเดือนมีนาคม ส่วนตอนนี้ก็ต้องชมภาพกันไปพลางๆก่อนครับ

New Honda Civic Type R MUGEN 200 ย้อนรอย Type R Mugen รุ่นพี่ ขอดุแค่ 201 แรงม้า
ที่มา: Honda/www.autospinn.com

Honda Freed compact MPV ที่กำลังจะเปิดตัว

Honda Freed compact MPV ที่กำลังจะเปิดตัว
Honda Freed รถ compact MPV ที่ออกขายในญี่ปุ่นแล้ว โดยมีรุ่น 5, 7 และ 8 ที่นั่ง โดยราคา Honda Freed น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 แสนบาท แต่ได้พื้นที่ภายในที่กว้างเทียบเท่า toyota wish ซะด้วยสิ

Honda Freed ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นนั้นมีประมาณ 7 สี ราคาประมาณ 8 แสนบาท คาดว่าจะจำหน่ายได้ในต้นปี 2553

เครื่องยนต์ของ Honda Freed เป็น SOHC i-VTEC 1500 cc ให้กำลัง 118 แรงม้า อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันนั้นอยู่ที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร แต่ในโลกแห่งความจริง มาขับในไทยนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย

ฐานล้อ Honda Freed นั้นกว้าง 2.7 เมตร ส่วนภายในห้องโดยสารนั้น กว้าง 2.65 เมตร ซึ่งทำให้เทียบได้กับ toyota wish เลยครับ

ระบบเกียร์ Auto CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า มีระบบ navigator พร้อม การออกแบบคอนโซลที่สวยงาม

Honda Freed ในรุ่น 7 ที่นั่ง และ 8 ที่นั่ง จะเป็นเบาะ 3 แถว โดยที่ 7 ที่นั่ง เบาะจะวางในลักษณะ 2-2-3 เรียงจากหน้าไปหลัง ส่วน รุ่น 8 ที่นั่งจะเป็น 2-3-3 จากภาพ เบาะหลังเล็กไปหน่อยน่าจะนั่งได้แบบคับแคบไปนิด ยิ่งถ้ารุ่นบาะหลัง 3 คงเป็นเด็กนั่ง 3 คนเลย

อย่างไรก็ตามมีสื่อบางที่นั้นได้คาดว่า Honda Freed นั้นจะไม่ผลิตในประเทศไทย แต่ จะผลิตในประเทศอินโดนีเซีย แล้วนำเข้า ในลักษณะเดียวกับ โตโยต้า avanza

Thaiautoshop.com says: เครื่องยนต์กำลังเท่า jazz แต่กว้างเท่า wish แล้วจะสมดุลไหมเนี่ย ?

ที่มา http://www.thaiautoshop.com/newcar/784.html

Tag : Honda, Honda Freed, mpv, ราคา Honda Freed, ฮอนด้า ฟรีด

Honda Freed ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง เปิดราคาเริ่มต้น 8.945 แสน ท็อปสุด 1.074 ล้านบาท


เปิดราคา Honda Freed ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง เริ่มต้น 8.945 แสน ท็อปสุด 1.074 ล้านบาท
หลังจากที่ได้เคยเกริ่นมานานพอสมควรว่า Honda จะนำ Freed มาจำหน่ายในประเทศไทยโดยการนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย ล่าสุดวันนี้ Honda Automobile (Thailand) ได้เปิดตัว Honda Freed รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง หรือ Compact MPV ที่ใช้ platform ร่วมกับ Honda Jazz และ Honda City โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร 118 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ รองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ถึงระดับ E20 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรถขนาดเล็กแต่ด้วยการออกแบบของ Honda ทำให้รถคันนี้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางทีเดียว ด้วยมิติความยาว 4,315 มิลลิเมตร กว้าง 1,700 มิลลิเมตร และสูง 1,735 มิลลิเมตร โดยมีฐานล้อยาว 2,740 มิลลิเมตร

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ มีการใช้ประตูเลื่อนอัตโนมัติทั้งซ้ายและขวา โดยสามารถเปิดได้กว้าง 600 มิลลิเมตร ทำให้การเข้าออกจากรถเป็นไปได้โดยง่าย ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าอิสระเป็นแบบ McPherson Strut ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Torsion Beam ระบบห้ามล้อหรือเบรคด้านหน้าเป็น Disk Brake ส่วนด้านหลังเป็น Drum Brake พร้อมระบบป้องกันการล็อคล้อ ABS มีระบบกระจายแรงเบรค EBD และเสริมแรงเบรก BA ที่เป็นมาตรฐานสำหรับทุกรุ่น

ส่วนราคาของ Honda Freed มีดังนี้ครับ

Honda Freed S (ประตูเปิดปิดแบบ Manual) 894,500 บาท
Honda Freed E (ประตูไฟฟ้าเปิดปิดอัตโนมัติ) 974,000 บาท
Honda Freed E Sport 1,014,500 บาท
Honda Freed E Navi Sport 1,074,500 บาท ซึ่งรุ่นนี้มี option เป็นเครื่องเล่น DVD กล้องมองหลัง
โดยมีให้เลือก 4 สีคือ สีเงิน อลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีเทาโพลิชเมทัล (เมทัลลิก) สีดำไนท์ฮอว์ก (มุก) และสีขาวบริลเลียนท์ (มุก) ครับ

เปิดราคา Honda Freed ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง เริ่มต้น 8.945 แสน ท็อปสุด 1.074 ล้านบาท

เปิดราคา Honda Freed ใหม่ รถอเนกประสงค์ขนาดเล็ก 7 ที่นั่ง เริ่มต้น 8.945 แสน ท็อปสุด 1.074 ล้านบาท
ที่มา www.autospinn.com

Tagged as: 2010 Honda Freed, Freed, honda, Honda Freed, ฟรีด, รถ mpv, รถอเนกประสงค์, ราคา Honda Freed, ฮอนด้า, ฮอนด้าฟรีด, เปิดตัว honda freed

Honda Freed ฮอนด้าเปิดตัว"ฟรีด"

Honda Freed ฮอนด้าเปิดตัว"ฟรีด"
ฮอนด้ากระหึ่มมอเตอร์เอ็กซ์โป เปิดตัว"ฟรีด"จี๊ดโดนใจ
ฮอนด้า ฟรีด พร้อมเปิดตัวในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009 วันที่ 2-13 ธ.ค.นี้ ที่อิมแพค เมืองทอง เห็นรูปลักษณ์ที่ประตูสไลด์ข้าง - 7 ที่นั่ง แล้วตาวาวกันทีเดียว ...
ถูกหวยเต็มเปา
สำหรับ "เสี่ยขวัญชัย ปภัสร์พงษ์" ประธานบริษัทสื่อสากล จำกัด ผู้จัดงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป อันเป็นงานมหกรรมยานยนต์ใหญ่สุดในอาเซียน

เพราะว่างานมหกรรมยานยนต์ ปีนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 26 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 กำหนดกระหึ่มตั้งแต่วันที่ 2-13 ธ.ค.นี้ที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

รับส้มหล่นเพียบ!!

เริ่มจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้เริ่มฟื้นตัว ช่วยหนุนส่งให้ตลาดรถได้เพิ่มความคึกคัก

ขณะ ที่ค่ายรถยนต์ต่างๆซึ่งได้เข้าร่วมงานนี้ก็พร้อมยกทัพรถใหม่ล่าสุดและรถรุ่น ตกแต่งพิเศษจำนวนจำกัดมาเปิดตัวกันอึงมี่ พร้อมอัดแคมเปญส่งเสริมการขายชนิดเต็มเหนี่ยว

เพื่อผลักดันยอดขายให้ทะลุเป้าที่วาดหวังไว้

ที่ สำคัญ หลายค่ายรถซึ่งมีแผนจะเปิดตัวรถใหม่นั้น ยังเป็นรถใหม่แกะกล่อง ชนิดที่ว่านักเลงรถจะเบิ่งชมได้เฉพาะที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2009 เท่านั้น เนื่องจากยังไม่ได้นำไปจอดโชว์ตามโชว์รูม

เช่น ฮอนด้า ฟรีด ฟอร์ด เฟียสต้าใหม่ เป็นต้น

ขณะ เดียวกัน งานมอเตอร์เอ็กซ์โปปีนี้ ยังเป็นปีแรกที่มีผู้นำเข้ารถยนต์ อิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตระดับบิ๊กบึ้มถึง 2 ค่ายใหญ่มาร่วมแจม (จากปกติที่มีมาร่วมเพียงเจ้าเดียว)

ได้แก่ รามคำแหงกรุ๊ป หรือบีอาร์จี ของเสี่ยสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส กับ ทีเอสแอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น ของเสี่ยสุรสิทธิ์ อุดมผลวณิช

โดย ทั้ง 2 ค่ายบิ๊กบึ้มจะยกทัพรถหรูนำเข้ามาโชว์เต็มพิกัด พร้อมแคมเปญเด็ดสุดยั่วใจ อาทิ ฮอนด้า สเตปแวกอน สปาดาใหม่, เบนซ์ อีคลาสใหม่, เบนซ์ อีคูเป้ ใหม่, ปอร์เช่ พานาเมร่า เป็นต้น

ปีนี้ ยังเป็นปีแรกที่ค่าย เอ.พี.ฮอนด้า เจ้าพ่อตลาดแมงกะไซค์ ได้ร่วมออกบูธ โดยจะอวดโฉม "ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์" (PCX) เป็นครั้งแรก ซึ่งฮอนด้าตั้งใจจะใช้ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกไปทั่วโลก

สำหรับรถเด่นในงานนี้มีอยู่เพียบ อาทิ ฮอนด้า ฟรีด รถยนต์นั่งอเนกประสงค์

รุ่นคอมแพ็ก 7 ที่นั่ง ที่กำลังขายดีในตลาดรถเมืองปลาดิบ ซึ่งจะเปิดตัวเป็นทางการต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน

มา สด้า 2 ใหม่ สปอร์ตแฮตช์แบ็ก 5 ประตูตัวเล็ก โดยมาสด้าจะใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออกทั่วอาเซียน ขณะที่ฟอร์ด จะอวดโฉม "เฟียสต้าใหม่" มาประกบ

กลุ่มพระนครยนตรการมีทีเด็ดที่โปรตอน เอ็กโซร่า (EXORA) มินิแวน 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุด เคาะราคาสุดเร้าใจ และเฟียต 500 ใหม่

ซูบารุแกะกล่อง "เลกาซีใหม่" พร้อมโชว์สตันต์แมนสุดจี๊ด ขณะที่เกีย เปิดตัว "พิแคนโตใหม่" ซิตี้คาร์สายพันธุ์แท้จากเกาหลี

ด้านนิสสันแกะกล่อง "เอ็กซ์เทรลใหม่" เอสยูวีใหม่ถอดด้าม พร้อมแนะนำรถรุ่นใหม่อีก 4 รุ่น

คือ เทียน่า สปอร์ต ซีรีส์ รูปโฉมภายในสีดำใหม่ที่มาพร้อมชุดแต่ง, ทีด้า นิสโม รุ่นลิมิเต็ด และนาวาร่า คาลิเบอร์ ลิมิเต็ด เวอร์ชั่นใหม่ รวมทั้งนาวาร่า คาลิเบอร์ ดีวีดี ลิมิเต็ด เวอร์ชั่น

ขณะที่ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จะสร้างความฮือฮาด้วยการนำรถทาทา นาโน มาโชว์ยั่วน้ำลาย (สำหรับรุ่นนี้ขายที่อินเดียคันละ 100,000 รูปี หรือประมาณ 82,500 บาท)

โอ๊โอ๋!!!

อัลคาโปน
motorwars@thairath.co.th

ที่มา ไทยรัฐ/http://www.thairath.co.th/content/life/48329

Honda CR-Z ฮอนด้า ซีอาร์ แซด

autospinn - Honda จะตัดสินใจในการนำรถแนวคิดนี้เข้าสู่สายการผลิตจริงภายในปีนี้ เหมือนๆกับรถแนวคิดทั่วไปที่กว่าจะตัดสินใจนำเข้าสู่สายการผลิตก็ทิ้งระยะ ห่างระหว่างการเปิดตัวรถแนวคิดกับการตัดสินใจผลิตไว้นานจนจำไม่ได้ว่าเคยนำ เสนอรถรุ่นแนวคิดไปแล้ว รถแนวคิดบางรุ่นอาจจะทิ้งเวลาไปหลายปีกว่าบริษัทจะตัดสินใจผลิตขึ้นมาจริงๆ ยกเว้นกรณีของ Honda CR-Z ที่วันนี้ นาย Takanobu Ito CEO ของ Honda ได้ออกมายืนยันผ่านสื่อแล้วว่า Honda จะปล่อย CR-Z ลงสู่ตลาดในต้นปีหน้า เรียกว่าเร็วกว่าที่คาดไว้มาก เพราะไม่ใช่แค่ตัดสินใจผลิตเท่านั้น แต่พร้อมขายเลยทีเดียว!

Honda จะเริ่มจำหน่าย CR-Z ในประเทศญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ที่กำลังจะมา ถึงในปีหน้า และทำการปล่อยไปสู่ตลาดที่เหลือคือ ยุโรปและอเมริกาเหนือ น่าเสียดายที่ยังไม่มีแผนการทำตลาดในประเทศอื่นๆรวมทั้งไทย ฉะนั้นถ้าอยากได้มาขับก็คงต้องอาศัยบริษัทผู้นำเข้าอิสระอย่างเดียวครับงาน นี้ แต่อย่างน้อยก็มีทางเลือกที่น่าสนใจเพิ่มมากอีกหนึ่งทางเลือก ในงานมอเตอร์โชว์ที่โตเกียวครั้งนี้ Honda ได้แสดง CR-Z รุ่นที่มีที่นั่งด้านหลัง แต่สำหรับตลาดอเมริกาแล้วจะเป็นเวอร์ชั่น 2 ที่นั่งครับ

CR-Z ได้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “เตี้ย สั้น และกว้าง” ที่ดูสปอร์ทและโฉบเฉี่ยวมากกว่า Honda Insight รถไฮบริดยอดนิยมรุ่นพี่ที่กำลังทำตลาดอยู่ในขณะนี้ สำหรับตลาดยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่มีการยืนยันว่า จะมีเวอร์ชั่น 2 ที่นั่งหรือไม่อย่างไร ในขณะที่เวอร์ชั่นอเมริกันจะมีการเปิดตัวในครึ่งปีหลังของปีหน้าครับ

Honda อ้างว่า CR-Z เป็นรถไฮบริดรุ่นแรกของโลกที่ใช้เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ จากข้อมูลของรุ่นแนวคิด Honda CR-Z ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC 1.5 ลิตร ส่วนรุ่นผลิตเชิงพาณิชย์มีกำหนดการเผยโฉมในงานมอเตอร์โชว์ที่ดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ในเดือนมกราคมปีหน้าครับ

เครดิต : www.autospinn.com,www.thaicarnews.com

Honda PCX ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ เท่หรูสไตล์สกูตเตอร์ใหญ่

ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ เท่หรูสไตล์สกูตเตอร์ใหญ่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2552 02:05 น.
บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดตัวรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. รุ่นใหม่ “พีซีเอ๊กซ์ (PCX)” อย่างเป็นทางการ ชูเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกและสุนทรีย์ในการขับขี่ หวังจับลูกค้าตลาดบน สนนราคา 70,000 บาท

ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ มีแนวคิดหลักในการออกแบบเพื่อให้ผู้ขับขี่เกิดความรู้สึกสบาย โอ่อ่า หรูหรา และมีความคล่องตัวสำหรับขับขี่ในเมือง โดยถอดแบบความมีระดับของการตกแต่งตามสไตล์รถยนต์คันหรู เพื่อให้สอดรับกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่เป็นคนเมืองมีไลฟสไตล์เป็นของตนเอง

เริ่มตั้งแต่การออกแบบเบาะนั่งและพื้นที่วางเท้าให้กว้างกระชับรับสรีระของท่วงท่าการขับขี่และการซ้อนท้ายที่ลงตัว, Body Mount Meter แผงหน้าปัดหรูสไตล์ Cockpit พร้อมระบบ ODO Meter ที่สามารถวัดระยะทุกการเดินทาง, Dual Tail Light with Separate Winker ไฟท้ายคู่พร้อมไฟเลี้ยวแบบแยกส่วน, ชุดไฟหน้าดีไซน์ล้ำ Built-in กับเฟรมหน้าพร้อมไฟหรี่ , ล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว , สวิตช์ควบคุมการเปิดเบาะ และฝาถังน้ำมัน และที่เก็บของขนาดกว้างใหญ่พิเศษพร้อมที่เก็บของคอนโซลซ้าย พร้อมฝาเปิดปิดง่ายใช้งานสะดวก

นอกจากนี้ยังใส่เทคโนโลยี อย่าง Alternator / Starter คือการผสมผสานระบบสตาร์ทและการชาร์จไฟไว้ด้วยกัน ทำให้การใช้พลังงานของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดพลังงานและให้เสียงการติดเครื่องยนต์ที่เงียบ นุ่มนวล

ระบบหยุดเครื่องยนต์อัจฉริยะ Idling Stop System เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ช่วยหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา ขณะที่แบตเตอรี่ยังคงทำงาน ไฟหน้าหรี่ลงและไฟที่แผงหน้าปัดอยู่ในสถานะ Stand by เพียงแค่บิดคันเร่งเครื่องยนต์จะกลับสู่สถานะการทำงานอีกครั้ง พร้อมการออกตัวอย่างนิ่มนวล ระบบนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อลดปริมาณไอเสียจากเครื่องยนต์และลดการสิ้นเปลืองน้ำมันที่สูญเสียไปขณะจอดติดเครื่องยนต์อยู่

3 Pots Hydraulic Combined Brake System ระบบคอมบายเบรกแบบไฮดรอลิกพร้อมคาลิเปอร์ 3 ลูกสูบ ในโครงสร้างของระบบเบรกของรุ่น PCX ระบบคอมบายเบรกจะเป็นแบบไฮดรอลิก ที่มาพร้อมกับคาลิเปอร์แบบ 3 ลูกสูบ ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกของเมืองไทย มั่นใจขึ้นอีกระดับกับความปลอดภัยมาตรฐานเดียวกับยุโรป

ระบบสัญญาณกันขโมยพร้อมรีโมทคอนโทรล Anti-Theft Alarm System ครั้งแรกของรถจักรยานยนต์ในเมืองไทย กับมาตรฐานใหม่ระบบป้องกันการโจรกรรมในรถจักรยานยนต์ โดยระบบจะส่งสัญญาณเสียงและไฟสัญญาณเตือนทันที เมื่อรถมีการเคลื่อนที่หรือสั่นสะเทือน

เครื่องยนต์ 125 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ แบบ Built-in Liquid cooled ขับเคลื่อนด้วยสายพานระบบ V-MATIC และบรรจุแบตเตอรี่ทรงประสิทธิภาพขนาด 12V-5Ah. รองรับการทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งคันรถอย่างเต็มสมรรถนะ

ด้านความปลอดภัยได้พัฒนาให้ครบครันอทั้ง Grand Front-Rear Shock Absorber โช้คกันสะเทือนหน้า-หลัง, ดิสก์เบรกหน้า หยุดสนิทมั่นใจ, Key Shutter สวิตช์กุญแจนิรภัยสองชั้น และ Side Stand Switch สวิตช์ที่ช่วยตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเอาขาตั้งข้างลง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากการเผลอบิดคันเร่งในขณะจอด

ฮอนด้า พีซีเอ๊กซ์ มี 3 โทนสีในรุ่นเพรสทิส คือสีดำ-น้ำตาล Black Nighthawk, สีเทา-น้ำตาล Silverstone Metallic และสีน้ำตาล Goldbullion Metallic โดยจะลงโชว์รูมตั้งแต่ 30 พฤศจิกายนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 70,000 บาท

ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ เท่หรูสไตล์สกูตเตอร์ใหญ่

ที่มา http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000142852

New Honda CR-Z ไฮบริดมาดสปอร์ต

New Honda CR-Z ไฮบริดมาดสปอร์ต
ถ้าพูดถึงระบบไฮบริดแล้ว นิยามของรถยนต์ที่ใช้ระบบนี้มักจะหนีไม่พ้นเรื่องความประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนเรื่องอื่นๆ แทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ทว่าในตอนนี้ ฮอนด้าสามารถทำให้ระบบไฮบริดมีความหมายที่มากขึ้น เมื่อจัดการนำระบบนี้มาใช้กับรถสปอร์ต ด้วยการเปิดตัว CR-Z ออกมา และพร้อมขายในตลาดญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกในโลก
คนที่ติดตามข่าวสารคงทราบดีว่า ฮอนด้าพยายามเปิดมิติใหม่ของการนำเทคโนโลยีไฮบริดให้กลายมาเป็นสิ่งที่มีความใกล้ตัวผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการทำให้ระบบนี้ไม่ใช่ของไฮโซเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา อินไซท์ใหม่ที่เปิดตัวในปี 2008 ถือเป็นก้าวแรกในการดำเนินนโยบายนี้ และด้วยแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ไฮบริดที่แชร์พื้นฐานร่วมกับรถยนต์ซับคอมแพ็กต์อย่างฟิต/แจ๊ซ บวกกับรูปแบบของระบบไฮบริดที่ไม่มีความซับซ้อนมากและใช้ร่วมกับของที่มีอยู่แล้วอย่างซีวิค ไฮบริด ทำให้ฮอนด้าสามารถตั้งราคาของอินไซท์ในระดับราคาที่คนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้ จนกลายเป็นรถยนต์ไฮบริดที่มีราคาถูกที่สุดในตลาดเมื่อวางขายในตลาดญี่ปุ่นกับราคา 1.89 ล้านเยน หรือ 661,000 บาทเท่านั้น

แต่นั่นยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับรายงานของ Nihon Keizei ที่ระบุว่า อินไซท์กลายเป็นรถยนต์ที่มีกำไรต่อหน่วยมากที่สุดของฮอนด้า ซึ่ง 1 คันฮอนด้าได้กำไร 300,000 เยน (110,000 บาท) หรือคิดเป็น 15% ของราคาขาย แม้ตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของกำไรจะเท่ากับที่ฮอนด้าได้รับจากแจ็ซหรือฟิตในญี่ปุ่น แต่ด้วยราคาขายของฟิต (1.197-1.865 ล้านเยน) ที่ถูกกว่าอินไซท์ เมื่อคิดออกมาเป็นตัวเลขรายได้จริงๆ ผลคือ กำไรที่ฮอนด้าได้จากฟิตน้อยกว่าที่ได้รับจากอินไซท์

แน่นอนฮอนด้านำแนวคิดนี้มาใช้กับผลผลิตล่าสุดที่อย่าง CR-Z กลายเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของโลกที่มากับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ โดย CR-Z เป็นคำย่อมาจาก Compact Renaissance Zero เปิดตัวในฐานะต้นแบบเมื่อปี 2007 และกลายมาเป็นรุ่นจำหน่ายจริงที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2010 เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา แต่ทว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ได้ซื้อหามาขับ เพราะฮอนด้าเพิ่งส่งเวอร์ชัน JDM ลงขายในบ้านตัวเองเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดอเมริกายังต้องรอไปจนถึงปลายปีถึงจะเริ่มขาย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น USDM หรือ JDM รวมถึงเวอร์ชันยุโรปหรือ EUDM สปอร์ตรุ่นนี้ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากมายในเรื่องของรูปลักษณ์โดยรวม จะต่างกันแค่ฝั่งของพวงมาลัย และในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐาน เท่านั้น แต่รายละเอียดหลักๆ เหมือนกันหมด โดยสปอร์ตรุ่นนี้ถือเป็นผลผลิตที่มาจากแนวคิดของการเพิ่มมูลค่าแต่ต้นทุนเพิ่มไม่มากตามสไตล์ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น คือ เป็นการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับฟิต/แจ๊ซ และอินไซท์ แต่มีการหั่นระยะฐานล้อให้สั้นลงมาจากระดับ 2,500 มิลลิเมตรลงมาอยู่ที่ 2,435 มิลลิเมตร ขณะที่ระบบช่วงล่างด้านหน้าและหลังคล้ายกัน คือ แม็คเฟอร์สันสตรัท และทอร์ชันบีมแบบ H-Shape

ระบบไฮบริดที่นำมาใช้กับ CR-Z ถูกขยายขนาดเพื่อตอบรับกับรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างจากอินไซท์ โดยเป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเบนซิน 4 สูบ 1500 ซีซี. i-VTEC ที่มีกำลัง 113 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.7 กก.-ม. ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT และ 114 แรงม้ากับ 14.8 กก.-ม. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 14 แรงม้า ระบบโดยรวมสามารถให้อัตราเร่งเทียบเท่ากับที่ได้จากเครื่องยนต์ 2000 ซีซี. แต่มีความประหยัดน้ำมันมากกว่าเยอะด้วยตัวเลข 25 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับรุ่น CVT และ 22.5 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา

นอกจากนั้น ฮอนด้ายังนำลูกเล่นระบบช่วยเหลือผู้ขับในด้านความประหยัดน้ำมันมาใช้กับ CR-Z โดยในตัวรถรุ่นนี้จะมีโหมดการขับให้เลือก 3 แบบ คือ Normal, Sport และ Econ เป็นการปรับระบบการทำงานของตัวรถทั้งในส่วนของลิ้นปีกผีเสื้อของเครื่องยนต์, พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า หรือระบบปรับอากาศให้สอดคล้องกับรูปแบบการขับ โดยผู้ขับสามารถเลือกใช้งานตามความต้องการ และในระหว่างการขับ จังหวะของการกดคันเร่งจะมีผลต่อสีบนตัวเลขความเร็วที่แสดงผลออกมาระหว่างประหยัด (สีเขียว) และสิ้นเปลือง (สีน้ำเงิน) เพื่อให้ผู้ขับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับของตัวเอง

สำหรับราคาที่ฮอนด้าเปิดออกมา ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะตั้งเอาไว้ที่ 2.268-2.498 ล้านเยน หรือ 793,000-874,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรถสปอร์ตไฮบริดที่มีราคาถูกมาก และในตอนนี้ก็ยังไม่มีคู่แข่งแบบชัดเจนในตลาด โดยทางฮอนด้าตั้งเป้าการขายเอาไว้ที่ 1,000 คันต่อเดือนในตลาดญี่ปุ่น แต่แน่นอนว่าในเรื่องของภาพรวมแล้ว CR-Z จะต้องผนึกกำลังกับอินไซท์ในการพาฮอนด้าไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้คือ การทำยอดขายรถยนต์ไฮบริดรวมทั่วโลกให้อยู่ในระดับ 500,000 คันต่อปีภายในช่วงทศวรรษที่จะถึงนี้


ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์

์New Honda CR-Z ขายถล่มทลายที่ญี่ปุ่น ไทยนำเข้า 2 ราย เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท


Honda CR-Z ขายถล่มทลายที่ญี่ปุ่น ไทยนำเข้า 2 ราย เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานว่ายอดสั่งซื้อ Honda CR-Z ที่ญี่ปุ่นมีมากกว่าที่ Honda คาดการณ์ไว้ถึง 10 เท่าตัว จากที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำยอดขายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 คัน ซึ่งเริ่มเปิดการขายมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดยอดขายทะลุ 10,000 คันไปเป็นที่เรียบร้อย และยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และด้วยความร้อนแรงนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ค่ายนำเข้ารถยนต์อิสระ 2 รายของไทยเกาะกระแสหิ้ว CR-Z มาทำตลาดทันที โดย 2 บริษัทที่ว่าก็คือ บริษัท ทีเอสแอ ออโต้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TSL) และ บริษัท เบนซ์ รามคำแหง กรุ๊ป จำกัด (BRG) แต่กลับเคาะราคาต่างกันคือ TSL เปิดตัวด้วยราคา 2.49 ล้านบาท ส่วนค่าย BRG เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าในรายละเอียดต้องมีเงื่อนไขหรือข้อเสนอแตกต่างกันออกไป?

Honda เตรียมเปิดตัว CR-Z ในยุโรปและอเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ล่าสุดจากข่าวการเรียกรถคืนของ Honda จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบในทางลบกับบริษัทฯไปทั่วโลกโดยเฉพาะในอเมริกา อย่างไรก็ตาม การที่คู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota Prius เจอมรสุมที่หนักกว่ามาก ก็อาจจะส่งผลดีกับบริษัทฯ ซึ่งการได้ยอดสั่งซื้อแบบถล่มทลายนอกจากเพราะความสดใหม่แล้ว สาเหตุหนึ่งก็อาจจะมาจากการเพลี่ยงพล้ำของ Prius เช่นกัน การที่จะบรรลุยอดขายปีละ 4-50,000 คันจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Honda เป็นบริษัทผู้ผลิตรถไฮบริดรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกต่อจาก Toyota ในแง่ของปริมาณการผลิต โดยมี Honda Insight เป็นรถไฮบริดสำหรับตลาดมวลชนรุ่นแรกในอเมริกา และจากข้อมูลการสั่งซื้อพบว่า 90% ของลูกค้าเป็นผู้ชาย อายุระหว่าง 30-40 ปีขึ้นไป
สำหรับเมืองไทยจะขายดีเหมือนญี่ปุ่นหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป เพราะราคา 2 ล้านกลางๆก็ถือว่าไม่ถูกเช่นกัน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นรถนำเข้า คนมีตังค์เขาไม่สะทกสะท้านอยู่แล้ว?!!
New Honda CR-Z ขายถล่มทลายที่ญี่ปุ่น ไทยนำเข้า 2 ราย เปิดราคาที่ 2.29 ล้านบาท
ที่มา: Honda/WSJ[www.autospinn.com]

“อีโคคาร์ ฮอนด้า”ราคา4แสน...?

สำรวจว่าที่ “อีโคคาร์ ฮอนด้า”ราคา4แสน...?
New Small Concept ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านกลางบูธฮอนด้า แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการเปิดแนวรุกให้เก๋งเล็กเซกเมนท์ใหม่ หรือก็คือรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์ที่รัฐบาลสนับสนุนนั่นเอง

สำหรับรถต้นแบบคันดังกล่าวเผยโฉมครั้งแรกในงานNew Delhi Motorshow ประเทศอินเดีย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และไทยเป็นประเทศล่าสุดที่ฮอนด้านำมาจัดแสดง ซึ่งเหตุผลคงไม่มีอะไรมาก เพราะนอกจากการนำเข้ามาสำรวจตลาดวัดกระแสแล้ว ยังหวังให้สาวกอดใจรอ อย่าเพิ่งเทความรักไปให้นิสสัน มาร์ช มากไป(มาร์ช เริ่มขายก่อนและตั้งบูธประชันอยู่ข้างๆ) พร้อมป้าวประกาศว่า ว่าที่อีโคคาร์คันนี้ จะเตรียมขึ้นไลน์ผลิตพร้อมขายจริงต้นปีหน้า

ดังนั้นถ้าคุณเดินไปเลียบเคียงบริเวณบูธฮอนด้า แล้วสนใจไปที่ New Small Concept ไม่นานก็จะมีเซลส์จอมขยัน เข้ามาทักประกบทันทีแล้วบอกว่า

“พี่ครับคันนี้เป็นคอนเซปต์คาร์ ไม่ได้ขายครับ แต่จริงๆแล้วมันคือรถอีโคคาร์ ที่เตรียมขายจริงต้นปีหน้า เครื่องยนต์ 1.2 - 1.3 ลิตร ราคาประมาณ 4 แสนบาทครับ”

สำหรับอีโคคาร์ของฮอนด้า จะผลิตที่โรงงาน นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อขายในประเทศและส่งออก และแว่วๆมาว่าคันขายจริงหน้าตาคงไม่ต่างจาก ต้นแบบคันนี้มากนัก

..พบ Honda New Small Concept ได้ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 31 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 6 เมษายนนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติไบเทค บางนา


ที่มา manager

Honda racing phase new Civic "ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส" ซีวิคใหม่ 2 ลิตร

"ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส" ซีวิคใหม่ 2 ลิตร
ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส เทศกาลกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่สนุกสนานและตื่นเต้น ซึ่งฮอนด้าจัดขึ้นเพื่อลูกค้าและผู้ที่ชื่นชอบฮอนด้าทุกวัย

กิจกรรมฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 ได้รับความสนใจและความนิยมจากนักแข่งและแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วประเทศ จนมีจำนวนผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันแล้วกว่า 100,000 คน

สำหรับการแข่งขันซีวิค วันเมคเรซในปีนี้ เป็นรถยนต์ฮอนด้า ซีวิคใหม่ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งจะลงสนามแข่งแทนฮอนด้า 1.8 ลิตร

ฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส 2010 จะจัดขึ้น 5 ครั้งตลอดทั้งปี โดยเริ่มการแข่งขันสนามแรกที่สนามแก่งกระจาน เซอร์กิต จ.เพชรบุรี สนาม 2 และ 3 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พัทยา สนาม 4 สนามกีฬาสมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่ สนาม 5 ที่ จ.ภูเก็ต ในเดือนพฤศจิกายน

ทำไมจึงมีการจัดฮอนด้า เรซซิ่ง เฟส กีฬามอเตอร์สปอร์ตเป็นจุดเริ่มต้นของจิตวิญญาณการแข่งขันของฮอนด้า เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีด้านยานยนต์ที่ดีขึ้นเพื่อเอาชนะความยากลำบากและความท้าทายในสนามแข่งฮอนด้า เชื่อว่าการแข่งขันในสนามแข่งทำให้เรามีทีมงานที่ดีขึ้น พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น และสามารถทำความฝันของเราให้เป็นจริงได้

สำหรับรายการแข่งขันประเภทประกอบด้วย ฮอนด้า ซีวิค วันเมคเรซ-(มีรถยนต์ที่ปรับแต่งแล้วเข้าร่วมแข่งขัน 15 คัน)-หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา การแข่งขัน ซีวิค วันเมคเรซยังคงเป็นการแข่งขันที่ดึงดูดนักแข่งทั้งในระดับมืออาชีพและนักแข่งกึ่งอาชีพ-คลาสเอ บี และซี โดยนักแข่งในคลาสซีจะต้องมีประสบการณ์การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี

ฮอนด้า แจ๊ซ วันเมคเรซ-(มีรถยนต์ที่ปรับแต่งแล้วเข้าร่วมแข่งขัน 20 คัน) นักแข่งมือใหม่ (คลาสซี) ร่วมลงแข่งขันโดยใช้รถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่แทนแจ๊ซรุ่นเดิม

ฮอนด้า โปรคัพ-การแข่งขันโดยนักแข่งมืออาชีพ (คลาส เอและบี) และนักแข่งมือใหม่ (คลาสซี) ด้วยรถยนต์ฮอนด้า

ฮอนด้าคลับเรซ-การแข่งขันของนักแข่งมือสมัครเล่นโดยสมาชิกฮอนด้าคลับ และเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าทั่วไป
ที่มาคอลัมน์ Auto Sport(ประชาชาติธุรกิจ)

Honda Eco Car เตรียมเปิดตัวต้นปีหน้า R&D คืบกว่า 90% เตรียมขึ้นไลน์ทดลองผลิตแล้ว


Honda Eco Car เตรียมเปิดตัวต้นปีหน้า R&D คืบกว่า 90% เตรียมขึ้นไลน์ทดลองผลิตแล้ว
Honda อดรนทนไม่ไหวเมื่อเห็นยอดจองถล่มทลายของ Nissan March รถยนต์นั่งประหยัดพลังงานรายแรกของไทยที่ได้รับใบสั่งจองไปมากกว่า 15,000 คัน จากที่ตั้งเป้าไว้ทั้งปี 20,000 คัน จึงเตรียมขึ้นไลน์ทดลองการผลิต Honda Ecocar ของตัวเอง โดยหวังว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้าแน่นอน ในขณะที่การวิจัยและพัฒนาก็คืบหน้าไปมากกว่า 90% จากการเปิดเผยของนายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธาน ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

Honda ประเทศไทยได้เคยอวดโฉม Ecocar ในงานมอเตอร์โชว์ที่อินเดีย ตามด้วยงานมอเตอร์โชว์ที่ศูนย์ไบเทคบางนาเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้ตลาดกลุ่มเป้าหมายทราบว่ายังมี Ecocar ทางเลือกอีกยี่ห้อนอกจาก Nissan March แต่ในขณะนั้น บริษัทฯได้ประกาศเพียงหลวมๆว่าจะทำการผลิตเพื่อจำหน่ายในปีหน้า แต่หลังจากที่ Nissan ประสบความสำเร็จกับยอดจองของ March ทำให้ Honda ต้องเร่งเครื่องและยอมรับว่า ได้เห็นภาพของการแข่งขันในตลาดรถใน segement นี้ ได้ชัดเจนขึ้นจากเสียงตอบรับของผู้ใช้รถต่อ Nissan March จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแสดงความพร้อมด้วยการแถลงข่าวความคืบหน้าของโครงการรถประหยัดพลังงานของบริษัทฯ

ในการแถลงข่าวในเรื่องความคืบหน้าของ Ecocar บริษัทฯยังเปิดเผยการปรับแผนของเป้าหมายยอดขายที่เดิมตั้งไว้ที่ 95,000 คัน แต่ผ่านมา 5 เดือน Honda มียอดขายรวมอยู่ที่ 40,000 คัน มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 20% นอกจากนั้นยังมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าอีก 25,000 คัน จึงทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าน่าจะทำยอดขายได้มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังอยู่ในการพิจารณาตัวเลขยอดขายใหม่ ซึ่งในขณะนี้ โรงงานของบริษัทฯมีกำลังการผลิตรวมที่ปีละ 240,000 คัน แต่ใช้กำลังผลิตจริงเพียง 75% หรือ 180,000 คัน ซึ่งก็ยังถือว่า บริษัทฯสามารถรองรับเป้าหมายที่เพิ่มเข้ามาอีกได้มากทีเดียว

Honda Eco Car เตรียมเปิดตัวต้นปีหน้า R&D คืบกว่า 90% เตรียมขึ้นไลน์ทดลองผลิตแล้ว
ที่มา: Honda,www.autospinn.com

New Honda Hybrid CR-Z.ใหม่ฮอนด้า ไฮบริด CR-Z ทันสมัยสไตล์รถนำเข้า

New Honda Hybrid CR-Z.ใหม่ฮอนด้า ไฮบริด CR-Z ทันสมัยสไตล์รถนำเข้า
ช่างเร็วเหลือเกินตามสไตล์การทำงานของค่ายรถนำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เกต ด้วยการนำเข้ารถยนต์ฮอนด้า ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด CR-Z ต้องยอมรับรูปร่างหน้าตาการออกแบบในสไตล์สปอร์ต ทำให้มันเป็นรถไฮบริดที่ดูมีความเคลื่อนไหว และล้ำสมัยเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบันมีเกรย์มาร์เกตหลายราย ต่างชิงโควตานำรถยนต์รุ่นนี้เข้ามาจำหน่าย สำหรับคันนี้ถูกนำเข้าโดย BRG กรุ๊ป ที่บอกว่าต้องช่วงชิงกันเพราะฮอนด้าตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ในญี่ปุ่นเดือนละประมาณ 1,000 คัน และเนื่องจากมันเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคัน ส่งผลให้ราคาของมันสูงถึง 2.6 ล้านบาท แน่นอนมันแพงกว่าคัมรี่ ไฮบริด ที่ผลิตและจำหน่ายในเมืองไทยถึงคันละ 1 ล้านบาท

สำหรับคอรถยนต์นำเข้า ส่วนต่างของราคาไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่ต้องการ คือรถยนต์ที่สามารถแสดงถึงไลฟ์สไตล์อันแตกต่าง CR-Z ก็น่าจะมีคุณสมบัติที่ว่านี้ มันแตกต่างจากรถไฮบริดตลาดทั่วไป แม้กระทั่งไฮบริดรุ่นก่อนหน้าอย่างอินไซด์

CR-Z ใช้ระบบไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดของฮอนด้า เป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์แบบเบนซิน 4 สูบ 1496 ซีซี. i-VTEC ที่มีกำลัง 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กิโลกรัมเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 14 แรงม้า ว่ากันว่าระบบโดยรวมสามารถให้อัตราเร่งเทียบเท่ากับที่ได้จากเครื่องยนต์ 2000 ซีซี. แต่มีความประหยัดน้ำมันมากกว่าเยอะด้วยตัวเลข 25 กิโลเมตรต่อลิตร

CR-Z มีโหมดการขับให้เลือก 3 แบบ คือNormal, Sport และ Econ เป็นการปรับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งส่วนลิ้นปีกผีเสื้อ, พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า หรือระบบปรับอากาศให้สอดคล้องกับรูปแบบการขับ

ทุกครั้งที่กดคันเร่งจะมีผลต่อตัวเลขความเร็วที่แสดงผลออกมา เป็นสีตรงมาตรวัดด้านหน้า ระหว่างความประหยัด แสดงด้วยสีเขียว และสิ้นเปลือง ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

ด้านช่วงล่าง CR-Z ติดตั้งช่วงล่างด้านหน้าและหลังคล้ายกัน คือ แม็กเฟอร์สันสตรัท และทอร์ชั่นบีมแบบ H-Shape

ถ้าเทียบกับไฮบริดรุ่นก่อนอย่างอินไซด์แล้ว CR-Z คือน้องใหม่ที่มีความทันสมัยกว่า สมรรถนะสูงกว่า แต่เป็นรถแบบคูเป้ 2 ประตู ซึ่งที่นั่งด้านหลังนั้นรองรับการใช้งานได้ไม่มากนัก เบาะนั่งด้านหลังเหมาะกับคนร่างเล็กมากกว่า ยิ่งถ้าเลื่อนเบาะให้คนขายาวขับ ผู้โดยสารด้านหลังอึดอัดแน่นอน

มันดูน่าใช้กว่าอินไซด์ ตรงที่อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงล้อที่เป็นล้อแม็กซ์ ก็ทำให้มันมีราคากว่า ส่วนใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ยังไงมันก็เป็นรถที่ทำให้ผู้ครอบครองดูแตกต่าง ทันสมัยสุดบนท้องถนน ในราคาที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง


ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์