Honda เผยโฉม Jazz Facelift และ Jazz Hybrid เวอร์ชั่นยุโรป

Honda เผยโฉม Jazz Facelift และ Jazz Hybrid เวอร์ชั่นยุโรป เริ่มจาก Jazz Facelift หรือรุ่นแต่งหน้าทาปากประจำปี 2011 ที่มี 2 เครื่องยนต์ทางเลือกสำหรับชาวยุโรป นั่นก็คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 90 แรงม้าและ 1.4 ลิตร ขนาด 100 แรงม้า ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT และ torque converter รวมถึง paddle shifter ในขณะที่ช่วงล่างได้รับการปรับปรุงในส่วนของระบบกันสะเทือนส ในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกนั้น การปรับเปลี่ยนแน่นอนว่าต้องเกิดขึ้นกับส่วนของกันชนหน้า-หลังที่ Honda อ้างว่าช่วยลดแรงเสียดทานได้มากขึ้น แผงกระจังปรับปรุงใหม่ ชุดไฟหน้าก็เป็นของใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนชุดไฟท้ายมาพร้อมเลนส์ชุดใหม่ โดยสีตัวถังมีให้เลือก 2 สีคือ สีน้ำเงิน Deep Sapphire Blue และสีบรอนซ์เงิน Ionized Bronze
ภายในห้องโดยสารของ Honda Jazz เวอร์ชั่นยุโรปนี้ใช้โทนสีที่เข้มมากขึ้นกว่าเดิม เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุผ้าเป็นมาตรฐานโดยมีอ็อปชั่นเป็นชุดหุ้มหนัง มีการตกแต่งด้วยวัสดุสีโครเมี่ยม และใช้ไฟเรืองแสงบริเวณแผงหน้าปัดเป็นสีส้ม ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ระบบ “Magic Seats” หรือเบาะนั่งมหัศจรรย์ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอย่างหนึ่ง สำหรับส่วนของพื้นที่จุสัมภาระมีการแบ่งช่องเก็บเป็นพื้นที่สำรองอีกส่วนหนึ่ง โดยปริมาตรจุสัมภาระทั้งหมดอยู่ที่ 399 ลิตร มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 19 ลิตรด้วยกัน
มาดูที่ Jazz Hybrid ซึ่งได้เคยปรากฏตัวครั้งแรกมาแล้วในงาน Paris Auto Show เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นรถรุ่นแรกในระดับ B Segment ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบเบนซิน-ไฟฟ้า และถึงแม้ว่ารถไฮบริดทั่วไปมักจะกินพื้นที่จุสัมภาระจากการที่ต้องมีการติดตั้งชุดแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่แต่ Jazz Hybrid กับไม่ได้รับผลกระทบใดๆมากนักในเรื่องนี้ โดยมีการติดตั้งชุดแบตเตอรี่ดังกล่าวใต้พื้นของพื้นที่ใส่สัมภาระท้ายรถ ทั้งที่ก็เนื่องมาจากมีการใช้ระบบ Magic Seats ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ซึ่งเบาะทุกชิ้นสามารถถูกพับเก็บได้ทั้งหมด ขณะที่ฐานเบาะก็สามารถพับเก็บได้อีกต่อหนึ่งเพื่อเพิ่มระดับความสูงให้พื้นที่ภายในอย่างเต็มที่ ทำให้มีปริมาตรจุสัมภาระที่ 300 ลิตรและสามารถขยายได้เป็น 1,320 ลิตร (โดยนับไปจนถึงเพดานใต้หลังคา) นอกจากนั้นเบาะที่นั่งด้านหลังยังสามารถถูกพับไปยังด้านหลังเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่อีกด้วย
สำหรับภายในนั้น ห้องโดยสารมีการใช้สีเข้มเช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน ส่วนชุดอุปกรณ์และแผงหน้าปัดใช้ไฟเรืองแสงสีฟ้า และถ้าหากไม่พอใจกับเบาะผ้าแล้วละก็ ลูกค้าสามารถเลือกใช้ชุดเบาะหุ้มหนังได้เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน

และตากการที่เป็นรถไฮบริด การออกแบบรูปโฉมภายนอกจึงต้องให้ดูแตกต่างไปด้วย ซึ่งในที่นี้ก็คือ แผงกระจังหน้าสีโครเมี่ยม ไฟหน้ามีดีไซน์เฉพาะที่ใช้กรอบสีฟ้าล้อมรอบ ไฟท้ายใช้โคมสีใส กันชนหน้า-หลังได้รับการออกแบบใหม่ ส่วนสีตัวถังเป็นสีเขียวเมทัลลิค Lime Green แต่ถ้าคุณคิดว่ายังดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร Honda มีชุดแต่ง Accessory ซึ่งได้แก่ อุปกรณ์ตกแต่งเล็กๆน้อยๆ สติ๊กเกอร์ ล้ออัลลอยลายใหม่ และยังมีของไฮเทคต่างๆให้เลือกด้วยเช่นกันคือ ระบบนำทางแบบ Solid State Drive(SSD) ระบบต่อเชื่อม Bluetooth และระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
หัวใจของ Jazz Hybrid ก็คือ ระบบขับเคลื่อน Integrated Motor Assist (IMA) ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Honda ที่ใช้กับรถไฮบริดรุ่น Insight และ CR-Z ซึ่งระบบไฮบริดนี้ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.3 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 14 แรงม้า ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ CVT สำหรับอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงของรถไฮบริดรุ่นนี้อยู่ที่ 12.6 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดคือ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 ลิตร/100 กิโลเมตร โดย Honda อ้างว่า Jazz Hybrid คือรถในตลาดระดับ B-Segment ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ “ที่สะอาดที่สุด” ด้วยอัตราการปล่อย CO2 เพียง 104 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น!
ที่มา autospinn

1 ความคิดเห็น: