็Honda ประกาศเรียกรถคืนซ่อมอัปเดตซอฟต์แวร์ 2.5 ล้านคัน

ข่าวต่างประเทศ - “ฮอนด้า” เจอปัญหาครั้งใหญ่อีกระลอก เมื่อต้องประกาศเรียกรถยนต์กลับมาแก้ไข หรือ Recall จำนวนร่วม 2.5 ล้านคันจากตลาดทั่วโลก โดยระบุปัญหาในด้านซอฟต์แวร์ของระบบเกียร์ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายในขณะใช้งานได้ ซึ่งรถยนต์ที่ติดกลุ่มเสี่ยงมีทั้งแอคคอร์ด และซีอาร์-วี
นอกจากแอคคอร์ดและซีอาร์-วีในตลาดอเมริกาที่ตัวเลข Recall สูงแล้ว ในประเทศจีนอย่างรุ่นโอดิสซีส์ก็มีปัญหาเช่นกัน
ฮอนด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ออกแถลงการณ์เรียกรถยนต์กลับคืนมาแก้ไขครั้งใหญ่ โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 2.49 ล้านคัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, จีน, ยุโรป, ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ขายอยู่ในตลาดญี่ปุ่นและเมืองไทยแต่อย่างใด

สำหรับตลาดที่มีการ Recall ในครั้งนี้สูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา ด้วยตัวเลขจำนวน 1.5 ล้านคัน ตามด้วยจีน 760,000 คัน และแคนาดา 135,142 คัน โดยรถยนต์ที่ถูกเรียกคืน คือ แอคคอร์ดรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบที่ขายในระหว่างปี 2005-2010, ซีอาร์-วี รุ่นปี 2007-2010 และรุ่นเอเลเมนท์ที่ขายระหว่างปี 2005-2008 ส่วนในตลาดจีน นอกจากรถยนต์ 3 รุ่นนี้แล้ว ยังมีการ Recall เอ็มพีวียอดนิยมอย่างรุ่นโอดิสซีส์รุ่นปี 2005-2009 จำนวน 160,000 คันและรุ่นสไปริเออร์ หรือแอคคอร์ด เวอร์ชันยุโรปรุ่นปี 2010 จำนวน 4,000 คันอีกด้วย
ส่วนลูกค้าแอคคอร์ดในญี่ปุ่นและบ้านเราวางใจได้ เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้


สำหรับปัญหาที่ฮอนด้าแจ้งว่ามีความบกพร่องในครั้งนี้ มาจากความผิดปกติของซอฟท์แวร์ที่ควบคุมการทำงานของชุดเกียร์ และหากว่าตัวรถไม่มีการอัพเดทซอฟท์แวร์ตามกำหนดอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการทำงานจนนำไปสู่ความเสียหายได้ ซึ่งมีรายงานว่าอาการที่พบอันเนื่องมาจากความผิดปกติ มีตั้งแต่เครื่องยนต์ดับไปจนถึงเกียร์มีปัญหา โดยความบกพร่องดังกล่าวจะตรวจพบได้เร็วขึ้นเมื่อผู้ขับเปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่งถอยหลังมาที่เกียร์ว่าง หรือเกียร์เดินหน้า D ด้วยการกระชากคันเกียร์อย่างรวดเร็ว

โดยทางฮอนด้ายืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความผิดปกติของซอฟต์แวร์ ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์อย่างชุดเกียร์ ดังนั้น การอัปเดตซอฟต์แวร์จึงสามารถแก้ไขปัญหาให้หมดไปได้ โดยใช้เวลาในการจัดการเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในตอนนี้ยังไม่มีการรายงานถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากปัญหาดังกล่าวแต่อย่างใด
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น